เลี้ยงปลานิลในบ่อกุ้ง แบบพึ่งพาอาศัย รายได้ยั่งยืน



แต่เดิมการเลี้ยงปลานิล จะเลี้ยงโดยการเลี้ยงประเภทเดียวเป็นส่วนใหญ่ อาจเลี้ยงในบ่อดิน หรือแบบกระชัง ซึ่งก็แล้วแต่ความพร้อมในเรื่องสภาพภูมิประเทศ หรือแหล่งน้ำ ที่ดิน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่การเลี้ยงปลานิลแบบนี้ จะเป็นการเลี้ยงร่วมกันในบ่อเดียว โดยมีการปล่อยกุ้งก้ามกราม และกุ้งขาว แล้วเค้าเลี้ยงกันอย่างไร ทำกันแบบไหน มาศึกษาและนำไป ปฏิบัติเพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัวกันดีกว่า
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า ข้อดีของการเลี้ยง ปลานิลร่วมกันกับกุ้งทั้ง 2 ชนิดนี้ จะหมดปัญหาเรื่อง ของการตลาดที่หากปลานิลมีราคาต่ำในบางช่วง ก็จะมีกุ้งขาว หรือกุ้งก้ามกราม มาช่วยพยุงราคาไว้ ทำให้ เกิดแนวคิดที่ว่า ยั่งยืน เพราะรายได้ที่มั่นคงนั่นเอง

สั่งสินค้าได้ที่  :  ร้านบ้านโชคฟาร์ม

ขั้นตอนแรก ให้เริ่มจากการซื้อพันธุ์ปลานิลพันธุ์ดีมาก่อน โดยเลือกซื้อจากฟาร์มที่มีความเชื่อถือได้เรื่อง คุณภาพ และนำมาอนุบาลลงในกระชัง ซึ่งอัตราการเลี้ยงปลานิลนี้ สำหรับปล่อยเลี้ยงกับจำนวนบ่อกุ้งบน พื้นที่ 4 ไร่ โดยใช้ปลานิลราว 5,000 ตัว ปล่อยลงกระชังอนุบาล เลี้ยงด้วยการให้อาหาร 3 มื้อ คือ เช้า กลางวัน และเย็น เป็นเวลา 20 วัน
ขั้นตอนที่สอง ทำการย้ายปลานิลมาลงกระชัง โดยมีตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ขนาดกระชัง 7×15 เมตร ทำการเลี้ยงต่อไปอีกราว 40 วัน ก็จะได้ปลานิลขนาด 4-5 ตัว ต่อกิโลกรัม หลังจากเลี้ยงจนได้ขนาดตาม ที่ต้องการแล้ว ก็สามารถนำปลานิลมาปล่อยลงเลี้ยงในบ่อกุ้งก้ามกราม และกุ้งขาวได้ จากนั้นทำการเลี้ยง ต่อไปอีกจนได้ประมาณ 3 เดือน ถึงประมาณ 3 เดือนครึ่ง เมื่อครบกำหนด ปลากับกุ้งจะโตได้ขนาดพร้อม กัน สามารถจับขายได้ทันที สำหรับบ่อกุ้งที่เตรียมไว้แล้วนั้น จะมีพื้นที่ขนาด 4 ไร่ โดยการนำกระชัง
สำหรับเลี้ยงปลานิลซึ่งตาข่ายมีขนาด 6 เซนติเมตร ขนาด 7×15 เมตร และสูง 180 เซนติเมตร นำมา ปักลงบ่อกุ้งไว้ 4 กระชัง และจัดวางกระชังเลี้ยงปลานิลให้อยู่ใต้ใบพัดตีน้ำในบ่อกุ้ง ทำให้ปลาว่ายทวนน้ำ เกิดความแข็งแรงมากขึ้น จากนั้นให้ปล่อยปลานิลขนาด 4-5 ตัวต่อกิโลกรัมลงไป โดย 1 กระชังจะ ปล่อยปลานิลประมาณ 1,000-1,100 ตัว ทำเช่นนี้จนครบ 4 กระชังที่เตรียมไว้ จากนั้นจึงนำกุ้งขาวมา ปล่อยลงในบ่อ จำนวน 100,000 ตัว ต่อบ่อ ขนาด 4 ไร่ อีกประมาณ 10 วัน จึงปล่อยกุ้งก้ามกรามตามลง ไป อีกครั้งจำนวน 20,000 ตัว ต่อบ่อ 4 ไร่ การให้อาหารทั้งกุ้งและปลาก็ง่าย ไม่ต้องกังวลเหมือนกับการ เลี้ยงรวมกันทั้งหมด ซึ่งหากใช้วิธีเลี้ยงรวมกัน ก็จะไม่ทราบว่าปลาหรือกุ้งได้กินอาหารครบทุกตัว หรือ เพียงพอหรือไม่ แต่หากใช้วิธีการแบ่งพื้นที่ เป็นสัดส่วน การให้อาหารจะมั่นใจได้มากกว่า ซึ่งกุ้งจะให้ อาหารวันละ 2 มื้อ คือเช้า และเย็น ส่วนปลานิลจะให้กินวันละ 3 มื้อ เช่นเดิม


ระยะเริ่มแรกอาหารสำหรับกุ้งจะมีโปรตีนอยู่ที่ 42% และอาจดูกลไกทางการตลาดหากกุ้งราคาลงต่ำ ก็สามารถลดเปอร์เซนต์ของโปรตีนลงได้ให้เหลือ 35% ส่วนปลานิล ช่วงแรกจะให้กินอาหารปลาดุก และ ช่วงท้ายจะให้กินอาหารปลากินพืช เรื่องของการเติมน้ำในบ่ออาจทำการเติมเมื่อเลี้ยงไปได้ประมาณ 2 เดือน ความเค็มของน้ำในบ่อให้อยู่ที่ 1-2 ppt การเปิดกังหันตีน้ำ  จะใช้วิธีการเปิดทุก ๆ 1-2 ชั่วโมงต่อครั้ง   แต่หากฝนตก ต้องทำการเปิดตลอด และปิดในช่วงที่ทำการให้อาหารเท่านั้น หลังจากทำการเลี้ยงได้ราว 2 เดือน ก็สามารถจับกุ้งขาว โดยใช้ไอ้โง่ จำนวน 30 ปาก ลงดักกุ้ง ประมาณ 200 กิโลกรัม ต่อบ่อ จะได้ ไซต์กุ้งขาวขนาด 100 ตัว ต่อกิโลกรัม จะทำให้บ่อลดความหนาแน่นลงไปด้วย หลังจากการดักกุ้งขาว ครั้งแรกไปแล้ว ต้องทำการเลี้ยงต่อไปอีกราว ๆ 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง ก็จะได้เวลาจับปลานิลออกขาย ซึ่งปลานิลที่จับจะมีขนาด 1 กิโลกรัม ถึง 1.3 กิโลกรัม และต้องทำการจับปลานิลออกให้หมด หลังจากที่ จับปลานิลขายออกหมดแล้ว จึงทำการจับกุ้งก้ามกรามออกขายได้
ด้านการตลาด
ปลานิลขายออกหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 60 บาท ราคาอาจมีขึ้นมีลงบ้างตามกระแสของตลาด ส่วนกุ้งขาว จำนวน 51-55 ตัว ต่อกิโลกรัม ขายออกหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 175 บาท หากขนาดตัว 136-140 ตัวต่อ กิโลกรัม จะอยู่ที่ กิโลกรัมละ 102 บาท สำหรับกุ้งก้ามกราม ไซต์ใหญ่ตัวผู้ ขนาด 8-10 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาหน้าฟาร์มจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 420-370 บาท และถ้าเป็นขนาด 18-20 ตัวต่อกิโลกรัม จะอยู่ที่ราคา 220-200 บาท สำหรับกุ้งก้ามกรามตัวเมียโปร่งไข่ ขนาด 25 ตัวต่อกิโลกรัม จะอยู่ที่ราคา 190 บาท และ
40 ตัว ต่อกิโลกรัม จะอยู่ที่ 140 บาท

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเพาะพันธุ์ปลาดุก ไม่ยากอย่างที่คิด!

ไปดูการเลี้ยงปลาบึกด้วยเศษอาหาร ต้นทุนต่ำ ได้กำไรสูง ที่ลำลูกกา

การเพาะพันธุ์ปลาสวาย