การเลี้ยงปลา น้ำที่ใช้เลี้ยงนับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากน้ำดีการเลี้ยงก็จะไม่เกิดปัญหามากนัก
“น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาที่นี่ จากสมัยก่อนมา ณ ตอนนี้นะ เรียกง่ายๆ ว่ายังสะอาดที่สุดในประเทศไทย น้ำก็ยังมีเยอะ แต่อนาคตก็ต้องดูต่อไป เพราะตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยมีกฎระเบียบกันมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ได้เข้าประชุมกับท่านผู้ว่าฯ จังหวัด และก็เกษตรกรอื่นๆ กับหน่วยราชการ ให้รวมกลุ่มกันเอากฎหมายมาบังคับใช้ จัดการกับคนที่ทำผิด ไม่อย่างนั้นน้ำมันก็จะเน่าเสีย อย่างน้อยเพื่อรักษาสภาพน้ำของที่นี่ให้สะอาดต่อไป” กำนันเทียมศักดิ์ กล่าวถึงการช่วยกันดูแลรักษาแหล่งน้ำ
ปลาสวย ทรงดี
เป็นที่ต้องการของตลาด
มีวิธีเลี้ยง ดังนี้
กำนันเทียมศักดิ์ บอกว่า ตอนแรกที่เลี้ยงใหม่ๆ นำลูกปลาทับทิมและปลานิลมาปล่อยลงเลี้ยงในกระชังทันที แต่ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนนำมาอนุบาลในบ่อดินเสียก่อนแล้วค่อยนำมาเลี้ยงในกระชัง
“ตอนแรกที่เลี้ยงใหม่ๆ เอาลูกปลาไซซ์ใบมะขามมาปล่อยในกระชัง ขนาด 3×3 เมตร ลึก 2เมตร คราวนี้เห็นปัญหาว่าเราควบคุมระดับน้ำไม่ได้ โดยเฉพาะหน้าฝน น้ำขุ่นลูกปลาจะตาย ก็เลยเอามาอนุบาลในบ่อดินก่อน ปล่อยลูกปลาประมาณหกหมื่นถึงหนึ่งแสนตัวลงในบ่อดินขนาดครึ่งไร่ อาหารที่ให้ช่วงนั้นมีเปอร์เซ็นต์โปรตีน ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ให้ 4 เวลา เช้า สาย บ่าย เย็น เวลาเลี้ยงในช่วงนี้ 70 วัน ลูกปลาจะมีขนาด ประมาณ 40-50 กรัม ก็จะนำมาปล่อยเลี้ยงในกระชังต่อ” กำนันเทียมศักดิ์ อธิบาย
ลูกปลานิลและปลาทับทิมที่นำมาปล่อยลงในกระชัง กำนันเทียมศักดิ์ บอกว่า มาปล่อยเลี้ยงในกระชัง ขนาด 3×6 เมตร ปล่อยลูกปลา ประมาณ 1,600 ตัว ต่อกระชัง อาหารให้ 3 เวลา คือ เช้า กลางวัน และเย็น อาหารในระยะนี้มีโปรตีน 32 เปอร์เซ็นต์ เมื่อลูกปลามีขนาด ประมาณ 100 กรัมขึ้นไป จะเปลี่ยนสูตรอาหารที่มีโปรตีน 30 เปอร์เซ็นต์ ให้แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าปลานิลและปลาทับทิมจะได้ขนาดที่จำหน่ายได้ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนครึ่ง
การดูแลรักษาโรค กำนันเทียมศักดิ์ บอกว่า ณ ปัจจุบันนี้ เมื่อเทียบกับสมัยก่อนมีโรคเยอะกว่ามาก เวลาเลี้ยงจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยจะติดเครื่องตีน้ำเข้ามาช่วย และมีการทำโปรแกรมการให้วิตามินอยู่เสมอ เพื่อให้ปลามีความแข็งแรง ช่วยลดปัญหาเรื่องโรค ซึ่งการระบาดของโรคมีตลอดทั้งปี จึงจำเป็นต้องป้องกันตลอดเวลา
“สมัยก่อนที่ผมเลี้ยงใหม่ๆ นั้นดี ไม่มีโรค อัตรารอด 90 เปอร์เซ็นต์ เดี๋ยวนี้อัตรารอดไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เช่น ลงเลี้ยง 100 ตัว เหลือ 30-40 ตัวเอง เพราะปีหนึ่งเราเลี้ยงได้ 2 ครั้ง การจัดการเดี๋ยวนี้ก็สิ้นเปลืองขึ้นมาก อย่างเครื่องตีน้ำ ใช้พลังงานไฟฟ้าเราก็จะเปลืองเรื่องค่าไฟมากขึ้น ซึ่งสมัยก่อนไม่ต้องมีเครื่องพวกนี้เลย หากเราไม่ทำ ประหยัดมากเกินไป ปลาไม่แข็งแรงเกิดโรคขึ้นมาก็ไม่ไหว การทำแบบนี้ก็จะช่วยให้เราได้ปลาที่ดี มีความแข็งแรง” กำนันเทียมศักดิ์ กล่าว
คิดค้นถังให้อาหาร
กำนันเทียมศักดิ์ บอกว่า ได้คิดค้นถังการให้อาหารปลาขึ้นมา เพื่อที่เวลาปลากินอาหารจะทำให้มีขนาดที่เท่ากันไม่แตกไซซ์มากเกินไป
“ถังที่เห็นบนกระชังสีเหลืองสีขาว ผมดัดแปลงเอามาใช้ เพราะว่าพอเราใส่อาหารลงไป เดี๋ยวอาหารมันจะลงไปแบบเหมาะสม ทำให้เราลดเรื่องแรงงานไปได้มาก แล้วปลามันจะโตค่อนข้างเสมอกัน แต่ก่อนที่เราจะใช้ถังอาหารนี้ได้ เราต้องมีบันทึกการให้อาหารอยู่ก่อน ว่าปลาไซซ์ขนาดนี้ควรจะกินอาหารกี่กิโลกรัม เราจะได้รู้เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว หากเราไม่มีการจดบันทึกไว้ อยู่ดีๆ เอาถังไปใส่อาหารให้ไม่ได้ มันจะยิ่งเปลืองมากขึ้น” กำนันเทียมศักดิ์ กล่าว
ขนาดของปลาที่ตลาดต้องการ
มีความแตกต่างกัน
กำนันเทียมศักดิ์ บอกว่า ความต้องการขนาดของปลาที่มีคนมาซื้อ นับว่าแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่ที่ว่าจะนำไปประกอบอาหารในรูปแบบใด
“จำหน่ายนี่ความต้องการของตลาดหลากหลายมาก ถ้าขึ้นโต๊ะจีนกับร้านปลาเผาก็จะใช้ปลาไซซ์ใหญ่ ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปก็จะซื้อขนาดประมาณ 600-700 กรัม ซึ่งส่งจำหน่ายก็มีทั้งที่ตลาดไท ตลาดทั่วๆ ไป และก็จะมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ฟาร์มเป็นเจ้าประจำ ซื้อกันมามากกว่า 10 ปี” กำนันเทียมศักดิ์ กล่าว
ปลาทับทิม จำหน่ายอยู่ที่ราคา 72 บาท ส่วนปลานิลอยู่ที่ราคา 62 บาท ซึ่งราคาขึ้นลงตามกลไกของตลาด กำนันเทียมศักดิ์ บอกว่า ราคาของปลาที่จำหน่ายในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับสมัยก่อนนั้นราคาถือว่าต่ำกว่ามาก
“ราคาปลาเคยลงไปถึง 50 กว่าบาท เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนเลี้ยงกันเยอะขึ้น ซึ่งตอนนี้เองราคาก็ยังไม่ดี กลัวว่าจะร่วง กำลังซื้อคนก็ไม่ค่อยมี แต่เทียบดูตอนนี้คนกินเยอะขึ้น สมัยก่อนที่ผมเริ่มใหม่ๆ ตลาดหายากอยู่ บางคนเขาก็ไม่รู้จักปลาทับทิม พอเขาได้มาลองกินก็ชอบ อีกอย่างปลาตามแหล่งน้ำธรรมชาติก็หายากขึ้น ปลาทับทิม ปลานิล เลยเป็นทางเลือกได้ดี ราคาเหมาะสม เรียกว่าหาซื้อกินได้ง่ายมีทั่วไปทุกจังหวัด” กำนันเทียมศักดิ์ กล่าว
มุมมองการเลี้ยงสัตว์
ของ กำนันเทียมศักดิ์
“อยากจะบอกว่า อาชีพการเลี้ยงสัตว์ที่ผมผ่านมาทุกอย่าง อย่างที่ผมเลี้ยงโคนมนี่ก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ดีสำหรับครอบครัว ส่วนการเลี้ยงปลานี่ก็เป็นอาชีพที่ดีมาก เรามองดูสัตว์นะตอนนี้ อย่างสัตว์บก กับสัตว์น้ำ อย่าง ปลานิล ปลาทับทิม ในแง่ของการแลกเนื้อ เราให้อาหารประมาณ 1.5 กิโลกรัม เราก็จะได้เนื้อปลากลับมา 1 กิโลกรัม คือไม่มีสัตว์อะไรที่จะแลกเนื้อได้ดีกว่านี้ อีกอย่างการเลี้ยงปลาเป็นอาชีพที่เหมาะสำหรับครอบครัว”
“สำหรับคนที่สนใจอยากเลี้ยงเป็นอาชีพ ก็จะแนะนำว่าอย่าทำใหญ่เกินในช่วงแรกๆ มันก็จะมีปัญหาเรื่องตลาด อีกอย่างเรื่องเงินทุนมันก็จะต้องใช้เงินสดด้วย เพราะบางทีเราไปซื้ออาหารที่มาเลี้ยงมันไม่มีเครดิตอะไรช่วยได้ หลักที่สำคัญคือ เกี่ยวกับด้านวิชาการ ต้องศึกษาให้ท่องแท้ โดยเตรียมตัวให้ดี ศึกษาให้พร้อม เราจะได้แก้ปัญหาต่างๆ ได้ ปัญหาเรื่องโรคก็สำคัญ สายพันธุ์ปลา อาหารที่ให้ปลา และก็เรื่องการตลาด 4 อย่างนี้ ถือว่าสำคัญมาก สำหรับคนที่จะเริ่มเลี้ยง” กำนันเทียมศักดิ์ กล่าวแนะนำ
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากเลี้ยงปลานิล ปลาทับทิม ในกระชัง กำนันเทียมศักดิ์ สง่ากชกร บอกว่า ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมทั้งให้คำแนะนำการเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ ติดต่อสอบถามได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ (081) 944-3454
CR : เส้นทางเศรษฐี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น