มือใหม่เลี้ยง “ปลาหมอ”…2 เดือน โตเฉียดฝ่ามือ จนปลานิลตกใจ ที่ สุรินทร์

กันโตเอาโตเอา…เพียงแค่ 2 เดือน 15 วัน
แต่ตัวโตเกือบเท่าฝ่ามือ…นี่เป็นเรื่องจริงที่ถูก
ถ่ายทอดผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “แมวน้อย กะทิ”
และยังได้โพสต์ผ่านกลุ่ม “รวมพลคนเกษตรพอเพียง”
มีการกดถูกใจกันนับพันคนเลยทีเดียว
เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อ
สาธารณะ “เกษตรก้าวไกลดอทคอม” จึง
ขออาสาพาทุกท่านไ
ปสัมผัสพูดคุยกับคุณแมวน้อย กะทิ หรือชื่อ
จริง “ขวัญหทัย นวลตา” เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาหมอ
สาธารณะ “เกษตรก้าวไกลดอทคอม” จึง
ขออาสาพาทุกท่านไ
ปสัมผัสพูดคุยกับคุณแมวน้อย กะทิ หรือชื่อ
จริง “ขวัญหทัย นวลตา” เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาหมอ
ประวัติของคุณแมวน้อย กะทิ นั้น เรียนจบชั้น ปวส. ปีหน้ากำลังจะเรียนต่อระดับ ปริญญาตรี เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัท ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานด้านเอกสารธุรการ
สั่งสินค้าที่ : ร้านบ้านโชคฟาร์ม
เหตุผลที่ออกมาทำอาชีพเกษตร เพราะเชื่อว่า การเกษตรเป็นอาชีพที่มั่นคง
“เมื่อก่อนตอนยังเป็นพนักงานบริษัทเคยคิดว่าการ
เกษตรเป็นงานที่หนัก แถมรายได้น้อยไม่คุ้มกับ
การลงทุน แต่พอมาตอนนี้ได้ลองมือทำเอง
อาชีพเกษตรกรไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย
เพราะหนูจะทำตามรอยพ่อหลวงคือทำเกษตร
แบบผสมผสาน ปลูกทุกๆอย่างที่เราชอบ เหลือ
กินเราก็ยังขายได้ แล้วเรายังได้สุขภาพอีก และ
อีกอย่างหนูคิดว่า เริ่มทำตั้งแต่อายุ 32 ปียังจะช้า
ไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าเราทำตั้งแต่อายุน้อยๆ อีก 10 ปี
ข้างหน้าผลผลิตของเราก็จะอยู่ตัว เราจะ
เริ่มได้เก็บเกี่ยวผลผลิตของเราได้สบายๆ
แต่ถ้าเราเริ่มทำตอนอายุ 60 แล้วเราจะได้
เก็บหรือค่ะ ทุกอย่างต้องใช้เวลาดูแลรักษา
เราเหนื่อยวันนี้ แต่ในอนาคตหนูเชื่อว่าการ
เกษตรเป็นอาชีพที่มั่นคง…เวลานี้บอกได้เลย
ว่ารักและภูมิใจในอาชีพนี้ค่ะ เวลาไปไหนจะมีคน
ถามว่าตอนนี้ทำงานอะไร จะตอบแบบ
ไม่อายว่า หนูทำงานเกษตรค่ะ”

การลงทุน แต่พอมาตอนนี้ได้ลองมือทำเอง
อาชีพเกษตรกรไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเลย
เพราะหนูจะทำตามรอยพ่อหลวงคือทำเกษตร
แบบผสมผสาน ปลูกทุกๆอย่างที่เราชอบ เหลือ
กินเราก็ยังขายได้ แล้วเรายังได้สุขภาพอีก และ
อีกอย่างหนูคิดว่า เริ่มทำตั้งแต่อายุ 32 ปียังจะช้า
ไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าเราทำตั้งแต่อายุน้อยๆ อีก 10 ปี
ข้างหน้าผลผลิตของเราก็จะอยู่ตัว เราจะ

แต่ถ้าเราเริ่มทำตอนอายุ 60 แล้วเราจะได้
เก็บหรือค่ะ ทุกอย่างต้องใช้เวลาดูแลรักษา
เราเหนื่อยวันนี้ แต่ในอนาคตหนูเชื่อว่าการ
เกษตรเป็นอาชีพที่มั่นคง…เวลานี้บอกได้เลย
ว่ารักและภูมิใจในอาชีพนี้ค่ะ เวลาไปไหนจะมีคน
ถามว่าตอนนี้ทำงานอะไร จะตอบแบบ
ไม่อายว่า หนูทำงานเกษตรค่ะ”
เกษตรผสมผสานหรือไร่นาสวนผสมที่ทำคือ การปลูกกล้วยน้ำว้าเป็นหลัก ปีก่อนปลูก จำนวน 3 ไร่ และปีนี้เพิ่มอีก จำนวน 3 ไร่ เป็น 6 ไร่ และพืชผลอย่างอื่น เช่น มะม่วง มะพร้าวน้ำหอม กระท้อน ฝรั่ง ฯลฯ ปลูกอย่างละ 5 ต้น 10 ต้น รวมทั้งแตงโมที่เก็บผลิตได้ไว
โดยเธอนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากแฟนที่เป็นคนต่างชาติ “เค้าชอบการเกษตรของไทย บวกกับหนูมีที่ดินอยู่แล้ว 3แปลง ทั้งหมดประมาณ 15 ไร่ และไม่ได้ทำอะไรให้เค้าเช่าทำสวนอย่างเดียว เค้าเลยแนะนำให้ลองทำเกษตรแบบผสมผสานดู ตอนแรกคิดว่าจะเลี้ยงปลานิลบ่อเดียว แต่มีเพื่อนแนะนำว่าปลาหมอเลี้ยงง่ายโตเร็ว และราคาดี ก็เลยทดลองเลี้ยง ปลาหมออีกหนึ่งบ่อค่ะ”
การเลี้ยงปลาคือเกษตรผสมผสานที่เกิดขึ้น ได้ลงทุนขุดบ่อปลา จำนวน 2 บ่อ

เรื่องน้ำและพันธุ์ปลา นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สำคัญ “น้ำที่ใช้เป็นน้ำลำห้วยตามธรรมชาติ เป็นบ่อที่น้ำไหลเวียนตลอดค่ะ ส่วนพันธุ์ปลาซื้อมาจาก บ้านโชคฟาร์ม อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ค่ะ”
“ซื้อมาลงทั้งหมด 5,000 ตัว ในราคาตัวละ 1.2บาท ตัวขนาดเม็ดฟักทอง ไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว ทนสุดๆค่ะ”
เรื่องต่อมาคืออาหารปลา…จะมีการให้อาหาร ให้วันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะแรก ใช้อาหารลูกอ๊อด โปรตีนไม่ต่ำกว่า 37% จำนวน 5,000 ตัว ใช้อาหาร 1 กระสอบได้ประมาณ 1 เดือน กระสอบละ 900 บาท
ระยะที่ 2 ใช้อาหารปลาดุกเม็ดเล็ก โปรตีนไม่ต่ำกว่า 32% ใช้ไป 2 กระสอบ ต่อ 1 เดือน พอเข้าเดือนที่ 2 ปลาเริ่มโต ใช้อาหารปลาดุกเม็ดกลาง โปรตีนไม่ต่ำกว่า 30% ถึงปัจจุบัน เลี้ยงได้ 2 เดือนครึ่ง

ถามว่าจากค่าต้นทุนอาหารทั้งหมด คิดว่าผลตอบแทน(กำไร) จะคุ้มกันไหม ก็ได้รับคำตอบว่า
“ต้นทุนอาหาร…ถ้าเลี้ยง 5,000 ตัว จะต้องใช้อาหารจำนวน 30 กระสอบ โดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนค่าอาหารจะหมดประมาณ 13,500 บาท จึงจะได้ไซด์ปลาตามที่เค้ารับซื้อ”
ที่นี้ ถ้ารวมในเรื่องต้นทุนค่าลูกพันธุ์ปลา จะได้ดังนี้
“ต้นทุนทั้งหมดน่าจะคิดได้ดังนี้ค่ะ …ค่าอาหาร 13,500 บาท ค่าลูกปลา 4,500 บาท รวมๆแล้วประมาณ 18,000บาท เลี้ยงในระยะ 4 เดือน 20 วัน เพราะ 4 เดือน ปลายังไซด์ไม่เท่ากัน เราจึงต้องเลี้ยงไปอีก 20 วันเพื่อให้ได้ไซด์เท่าๆกันค่ะ”
“เวลาเอาปลาออกขาย 5,000 ตัว ถ้าโดยเฉลี่ย 5 ตัวต่อกิโลกรัม จะได้น้ำหนักทั้งหมดประมาณ 1,000 กิโลกรัม x 80 บาท จะได้เงินทั้งหมดประมาณ 80,000 บาท แต่หนูคิดว่ามันมากเกินไป หนูขอเหลือสัก 500 กิโลกรัม ก็คุ้มแล้วค่ะ”
ฟังดูแล้ว การเลี้ยงปลาหมอครั้งแรกของคุณแมวน้อย กะทิ รู้สึกว่าไม่ยากเลย
“เลี้ยงปลาหมอไม่ได้ยากอะไรเลยค่ะ ขอแค่เราทำตามที่เค้าแนะนำและใส่ใจดูแล การให้อาหารต้องไม่ยั้งอาหารไม่งั้นปลาจะโตช้า”
“อย่างไรก็ดีทดลองเลี้ยงครั้งแรกค่ะ ความรู้ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ เราจะศึกษาจากพฤติกรรมของปลาที่เราเลี้ยง แล้วเราก็จดบันทึกไว้บ้าง เผื่อเลี้ยงครั้งต่อไปจะได้เอาข้อมูลมาเปรียบเทียบกันค่ะ”
มีอะไรที่จะเป็นข้อคิดอีกไหมครับ
“เรื่องอื่นๆ ที่ต้องระวังและดูแลก็ไม่มาก เพราะปลาหมอเป็นปลาที่ทนต่อสภาพอากาศ หรือสภาพน้ำอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องดูแลอะไรมาก แต่ที่ต้องระวังคือเราต้องล้อมตาข่ายด้วย เพราะปลาหมอเป็นปลาที่ชอบปีนป่ายค่ะ”
ทั้งหมดนี้ เป็นมุมมองของเกษตรกรคนรุ่นใหม่ที่ได้ประสบการณ์จากการลงมือปฎิบัติจริงและดูเหมือนว่าไปได้ดี แต่ในความเป็นจริง อาจจะยังมีปัญหาต่างๆ ให้แก้ไข และแน่นอนว่าหากเจอปัญหาใดๆก็พร้อมที่จะแก้ไข เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป
เราขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จตามความมุ่งหวังครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น